แพทย์เผยอาการหลวงตามหาบัวพ้นขีดอันตราย


ทีม แพทย์ศิริราช เผยอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว พ้นขีดอันตราย และจะรักษาตามอาการ ระบุ ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนจะออกจาก รพ.ขึ้นอยู่กับหลวงตามหาบัว วันนี้ (27 ธ.ค.) เวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตึกอำนวยการ ชั้น 2 ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธาน และทีมแพทย์ รศ.นพ.สุรินทร์ ธนพิพัฒนศิริผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช ร่วมกับ รศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิต สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ ร่วมกันแถลงข่าว “หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” เข้ารับการรักษา โดย ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ เผยผลการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบปัญหาสุขภาพ ดังนี้ 1.โรคปอดอักเสบติดเชื้อที่ปอดทั้งสองข้าง มีน้ำในโพรงเยื้อหุ้มปอดซ้ายปริมาณปานกลาง 2.ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ 3.ภาวะทางเดินอาหารอุดตัน 4.ภาวะขาดสารอาหาร และ 5.ภาวะหลอดเลือดแดงที่ขาส่วนปลายอุดตัน โดยคณะแพทย์ได้วางแผนการรักษาหลวงตามหาบัวและติดตามอาการตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับอาการหลวงตามหาบัว ขณะนี้มีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาลำไส้อุดตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบเล็ก เนื่องจากขาดสารอาหาร มือเท้าเย็น นิ้วหัวแม่เท้าซ้ายหลุด เนื่องจากการอักเสบ และการขาดเลือดผ่านมา ทั้งนี้ ภายหลังเข้ารับการรักษาอาการภาพรวมอาการท่านดีขึ้น แพทย์ให้อาหารทางสายยาง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ หลวงตามหาบัว สนทนาได้แต่เสียงเบา ตอบคำถามได้ดี ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยตามปกติอาการเหล่านี้จะต้องพักรักษาตัวอยูที่โรงพยาบาลประมาณ 2 สัปดาห์ ถามว่า ท่านจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะที่ผ่านมาหลวงตามหาบัวปฏิเสธเข้ารับการรักษามาตลอด ดังนั้น การรักษาตัวของหลวงตามหาบัวจะนานแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับหลวงตามหาบัวตัดสินใจ
“ความดันโลหิต 137/73 มม.ปรอท ชีพจร 76 ครั้ง/นาที ไม่สม่ำเสมอ อัตราการหายใจ 22 ครั้ง/นาที อุณหภูมิ oxygen saturation 99% (oxygen cannula 2 L/min)”
ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทราบว่า หลายคนเป็นห่วงนิ้วหัวแม่เท้าซ้ายหลวงตามหาบัว ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุตั้งแต่สิงหาคม 2552 จนเกิดแผลที่เท้า และการรักษาไม่ได้คำนึงถึงเลือดมาเลี้ยงบริเวณดังกล่าว จึงทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ประกอบกับหลวงตามหาบัว อายุ 98 ปี แผลไม่หายและมีอาการลุกลามนิ้วหัวแม่เท้าซ้าย กระดูก จึงกลายเป็นเนื้อตาย แล้วเริ่มเอาเนื้อตายออกเมื่อเดือนมีนาคม 2553 อย่างไรก็ตาม ปัญหาการไหลเวียนเลือดและเท้ารักษาหายภายใน 2 เดือน
“นับว่า โชคดีที่หลวงตามหาบัว ไม่มีโรคประจำตัว ทีมแพทย์จะติดตามอาการและรักษาอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง และวันนี้ได้เจาะเหลือดเพื่อนำไปตรวจแล้ว จะรู้ผลเย็นวันนี้ ซึ่งทีมแพทย์จะนำผลเลือดมาประกอบการรักษาหลวงตามหาบัว” ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว



***  ทั้งนี้ได้ทราบมาว่า ในตอนนี้ หลวงตาพักอยู่ที่ตึก84ปี ชั้น6 โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมนะครับ ***


อ้างอิง : http://www.dhammada.net/

วิธีระงับราคะ โทสะ โมหะ

ปัญหา ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิด ราคะ โทสะ โมหะ เมื่อได้สัมผัสกับอารมณ์ต่าง ๆ ?

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนมาลุงกยบุตร ในบรรดาธรรมที่เธอเห็นแล้ว ฟังแล้ว รู้แล้ว รู้แจ้งแล้วเหล่านั้น ในรูปที่เห็นแล้ว จักเป็นแค่เห็น ในเสียงที่ได้ยิน จักเป็นแต่ได้ยิน ในอารมณ์ที่จักเป็นแต่รู้ ในอารมณ์ที่รู้แจ้งจักเป็นแต่รู้แจ้ง เธอจักเป็นผู้ไม่ถูกราคะย้อม ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย ไม่หลงเพราะโมหะ......”

สังคัยหสูตร ที่ ๒ สฬา. สํ. (๑๓๓)

สมาธิเพื่ออยู่เป็นสุข/สมาธิเพื่อให้เกิดฌาน/สมาธิเพื่อสติสัมปชัญญะ/สมาธิเพื่อดับอาสวะ


สมาธิเพื่ออยู่เป็นสุข

ปัญหา การบำเพ็ญสมาธิภาวนาเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันคืออย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ (มีจิต) สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม แล้วบรรลุฌานที่หนึ่ง อันประกอบด้วยความตรึก ความครอง ความอิ่มเอิบใจ และความสุขที่เกิดแต่ความสงบดำรงในฌานนั้น
“แล้วบรรลุถึงฌานที่สอง ซึ่งจิตมีความเป็นหนึ่งแน่วแน่ ผ่องใสอยู่ภายใน ไม่มีความตรึกความตรอง เพราะความตรึกความตรองระงับไป มีแต่ความอิ่มเอิบใจ และความสุขที่เกิดแต่สมาธิ ดำรงอยู่ในฌานนั้น
“ต่อจากนั้นก็มีใจสงบนิ่ง เพราความอิ่มเอิบใจระงับไว้ มีความตื่นตัว ความรู้ตัว เสวยสุขด้วยนามกาย แล้วบรรลุฌานที่สาม ที่พระอริยสรรเสริญรู้ได้ฌานนี้ ย่อมมีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุขเป็นประจำ
“ต่อจากนั้นก็บรรลุฌานที่สี่ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ได้ และดับโสมนัสโทมนัสเดิมได้ มีแต่อุเบกขาและสติอันบริสุทธิ์ ดำรงอยู่ในฌานนั้น
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนาอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุข ในปัจจุบัน”
สมาธิสูตร จ. อํ.

ผู้ที่ไม่เถียงกับใคร ๆ

ปัญหา คนเราที่ไม่รู้ความจริงแท้ ย่อมมีความเห็นแตกต่างกันและทะเลาะวิวาททุ่มเถียงกัน มีคนประเภทใดบ้างที่ไม่ทุ่มเถียงกับใคร ๆ ?

พุทธดำรัสตอบ “อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อทุกขมสุขเวทนา ๑ อัคคิเวสสนะ สมัยใดได้เสวยสุขเวทนาในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา เท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา
“อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา
“อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ”

ทีฆมขสูตร ม. ม. (๒๗๓)
ตบ. ๑๓ : ๒๖๗-๒๖๘ ตท.๑๓ : ๒๒๖-๒๒๗

แจกหนังสือ “ฉลาดทำใจ"

แจกหนังสือ ฉลาดทำใจ – หนักแค่ไหน ก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง ฉบับพิเศษ ของท่าน ไพศาล วิสาโล จำนวน 20 เล่ม