แพทย์เผยอาการหลวงตามหาบัวพ้นขีดอันตราย


ทีม แพทย์ศิริราช เผยอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว พ้นขีดอันตราย และจะรักษาตามอาการ ระบุ ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนจะออกจาก รพ.ขึ้นอยู่กับหลวงตามหาบัว วันนี้ (27 ธ.ค.) เวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตึกอำนวยการ ชั้น 2 ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธาน และทีมแพทย์ รศ.นพ.สุรินทร์ ธนพิพัฒนศิริผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช ร่วมกับ รศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิต สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ ร่วมกันแถลงข่าว “หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” เข้ารับการรักษา โดย ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ เผยผลการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบปัญหาสุขภาพ ดังนี้ 1.โรคปอดอักเสบติดเชื้อที่ปอดทั้งสองข้าง มีน้ำในโพรงเยื้อหุ้มปอดซ้ายปริมาณปานกลาง 2.ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ 3.ภาวะทางเดินอาหารอุดตัน 4.ภาวะขาดสารอาหาร และ 5.ภาวะหลอดเลือดแดงที่ขาส่วนปลายอุดตัน โดยคณะแพทย์ได้วางแผนการรักษาหลวงตามหาบัวและติดตามอาการตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับอาการหลวงตามหาบัว ขณะนี้มีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาลำไส้อุดตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบเล็ก เนื่องจากขาดสารอาหาร มือเท้าเย็น นิ้วหัวแม่เท้าซ้ายหลุด เนื่องจากการอักเสบ และการขาดเลือดผ่านมา ทั้งนี้ ภายหลังเข้ารับการรักษาอาการภาพรวมอาการท่านดีขึ้น แพทย์ให้อาหารทางสายยาง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ หลวงตามหาบัว สนทนาได้แต่เสียงเบา ตอบคำถามได้ดี ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยตามปกติอาการเหล่านี้จะต้องพักรักษาตัวอยูที่โรงพยาบาลประมาณ 2 สัปดาห์ ถามว่า ท่านจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะที่ผ่านมาหลวงตามหาบัวปฏิเสธเข้ารับการรักษามาตลอด ดังนั้น การรักษาตัวของหลวงตามหาบัวจะนานแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับหลวงตามหาบัวตัดสินใจ
“ความดันโลหิต 137/73 มม.ปรอท ชีพจร 76 ครั้ง/นาที ไม่สม่ำเสมอ อัตราการหายใจ 22 ครั้ง/นาที อุณหภูมิ oxygen saturation 99% (oxygen cannula 2 L/min)”
ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทราบว่า หลายคนเป็นห่วงนิ้วหัวแม่เท้าซ้ายหลวงตามหาบัว ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุตั้งแต่สิงหาคม 2552 จนเกิดแผลที่เท้า และการรักษาไม่ได้คำนึงถึงเลือดมาเลี้ยงบริเวณดังกล่าว จึงทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ประกอบกับหลวงตามหาบัว อายุ 98 ปี แผลไม่หายและมีอาการลุกลามนิ้วหัวแม่เท้าซ้าย กระดูก จึงกลายเป็นเนื้อตาย แล้วเริ่มเอาเนื้อตายออกเมื่อเดือนมีนาคม 2553 อย่างไรก็ตาม ปัญหาการไหลเวียนเลือดและเท้ารักษาหายภายใน 2 เดือน
“นับว่า โชคดีที่หลวงตามหาบัว ไม่มีโรคประจำตัว ทีมแพทย์จะติดตามอาการและรักษาอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง และวันนี้ได้เจาะเหลือดเพื่อนำไปตรวจแล้ว จะรู้ผลเย็นวันนี้ ซึ่งทีมแพทย์จะนำผลเลือดมาประกอบการรักษาหลวงตามหาบัว” ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว



***  ทั้งนี้ได้ทราบมาว่า ในตอนนี้ หลวงตาพักอยู่ที่ตึก84ปี ชั้น6 โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมนะครับ ***


อ้างอิง : http://www.dhammada.net/

วิธีระงับราคะ โทสะ โมหะ

ปัญหา ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิด ราคะ โทสะ โมหะ เมื่อได้สัมผัสกับอารมณ์ต่าง ๆ ?

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนมาลุงกยบุตร ในบรรดาธรรมที่เธอเห็นแล้ว ฟังแล้ว รู้แล้ว รู้แจ้งแล้วเหล่านั้น ในรูปที่เห็นแล้ว จักเป็นแค่เห็น ในเสียงที่ได้ยิน จักเป็นแต่ได้ยิน ในอารมณ์ที่จักเป็นแต่รู้ ในอารมณ์ที่รู้แจ้งจักเป็นแต่รู้แจ้ง เธอจักเป็นผู้ไม่ถูกราคะย้อม ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย ไม่หลงเพราะโมหะ......”

สังคัยหสูตร ที่ ๒ สฬา. สํ. (๑๓๓)

สมาธิเพื่ออยู่เป็นสุข/สมาธิเพื่อให้เกิดฌาน/สมาธิเพื่อสติสัมปชัญญะ/สมาธิเพื่อดับอาสวะ


สมาธิเพื่ออยู่เป็นสุข

ปัญหา การบำเพ็ญสมาธิภาวนาเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันคืออย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ (มีจิต) สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม แล้วบรรลุฌานที่หนึ่ง อันประกอบด้วยความตรึก ความครอง ความอิ่มเอิบใจ และความสุขที่เกิดแต่ความสงบดำรงในฌานนั้น
“แล้วบรรลุถึงฌานที่สอง ซึ่งจิตมีความเป็นหนึ่งแน่วแน่ ผ่องใสอยู่ภายใน ไม่มีความตรึกความตรอง เพราะความตรึกความตรองระงับไป มีแต่ความอิ่มเอิบใจ และความสุขที่เกิดแต่สมาธิ ดำรงอยู่ในฌานนั้น
“ต่อจากนั้นก็มีใจสงบนิ่ง เพราความอิ่มเอิบใจระงับไว้ มีความตื่นตัว ความรู้ตัว เสวยสุขด้วยนามกาย แล้วบรรลุฌานที่สาม ที่พระอริยสรรเสริญรู้ได้ฌานนี้ ย่อมมีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุขเป็นประจำ
“ต่อจากนั้นก็บรรลุฌานที่สี่ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ได้ และดับโสมนัสโทมนัสเดิมได้ มีแต่อุเบกขาและสติอันบริสุทธิ์ ดำรงอยู่ในฌานนั้น
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนาอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุข ในปัจจุบัน”
สมาธิสูตร จ. อํ.

ผู้ที่ไม่เถียงกับใคร ๆ

ปัญหา คนเราที่ไม่รู้ความจริงแท้ ย่อมมีความเห็นแตกต่างกันและทะเลาะวิวาททุ่มเถียงกัน มีคนประเภทใดบ้างที่ไม่ทุ่มเถียงกับใคร ๆ ?

พุทธดำรัสตอบ “อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อทุกขมสุขเวทนา ๑ อัคคิเวสสนะ สมัยใดได้เสวยสุขเวทนาในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา เท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา
“อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา
“อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ”

ทีฆมขสูตร ม. ม. (๒๗๓)
ตบ. ๑๓ : ๒๖๗-๒๖๘ ตท.๑๓ : ๒๒๖-๒๒๗

แจกหนังสือ “ฉลาดทำใจ"

แจกหนังสือ ฉลาดทำใจ – หนักแค่ไหน ก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง ฉบับพิเศษ ของท่าน ไพศาล วิสาโล จำนวน 20 เล่ม

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม - พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย

พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน
วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

อ่านประวัติ พระครูบาชัยะวงศา
ดูรูปอื่นของ พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัยและวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

สังขาร - ไม่เที่ยง - เป็นทุกข์

   [๑๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่ารูป เพราะสลายไป จึงเรียกว่า รูปสลายไปเพราะอะไร
   สลายไปเพราะหนาวบ้าง
   เพราะร้อนบ้าง
   เพราะหิวบ้าง
   เพราะกระหายบ้างเพราะสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด
   และสัตว์เลื้อยคลานบ้าง.
 
   ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไร จึงเรียกว่า เวทนา เพราะเสวย จึงเรียกว่า เวทนา เสวยอะไร เสวยอารมณ์สุขบ้าง เสวยอารมณ์ทุกข์บ้าง เสวยอารมณ์ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง.
 
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไร จึงเรียกว่า สัญญา เพราะจำได้หมายรู้ จึงเรียกว่า สัญญา จำได้หมายรู้อะไร จำได้หมายรู้สีเขียวบ้างสีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง.
 
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่า สังขาร เพราะปรุงแต่งสังขตธรรม จึงเรียกว่า สังขาร
 
   ปรุงแต่งสังขตธรรมอะไร ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ รูปโดยความเป็นรูป
   ปรุงแต่ง สังขตธรรม คือ เวทนา โดยความเป็นเวทนา
   ปรุงแต่งสังขตธรรมคือ สัญญา โดยความเป็นสัญญา
   ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ สังขาร โดยความเป็นสังขาร
   ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ วิญญาณ โดยความเป็นวิญญาณ.
 
   ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่า วิญญาณ เพราะรู้แจ้ง จึงเรียกว่า วิญญาณ รู้แจ้งอะไร รู้แจ้งรสเปรี้ยวบ้าง รสขมบ้าง รสเผ็ดบ้าง รสหวานบ้าง รสขื่นบ้าง รสไม่ขื่นบ้าง รสเค็มบ้าง รสไม่เค็มบ้าง

พระธาตุหินกิ่ว

ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก


พิจารณาสังขาร

อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้แล
อุทธัง ปาทะตะลา เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา
อะโธ เกฐะมัตถะกา เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป
ตะจะปะริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน เต็มไปด้วยของไม่สะอาด
มีประการต่างๆ
อัตถิ อิมัสสะมิง กาเย มีอยู่ในกายนี้
เกสา ผมทั้งหลาย โลมา ขนทั้งหลาย
นะขา เล็บทั้งหลาย ทันตา ฟันทั้งหลาย
ตะโจ หนัง มังสัง เนื้อ
นะหารู เอ็นทั้งหลาย อัฏฐี กระดูกทั้งหลาย
อัฏฐิมิญชัง เยื่อในกระดูก วักกัง ไต
หะทะยัง หัวใจ ยะกะนัง ตับ
กิโลมะกัง พังผืด ปิหะกัง ม้าม
ปัปผาสัง ปอด อันตัง ไส้ใหญ่
อันตะคุณัง
ไส้น้อย อุทะริยัง อาหารใหม่
กะรีสัง อาหารเก่า ปิตตัง น้ำดี
เสมหัง น้ำเสลด ปุพโพ น้ำเหลือง
โลหิตัง นำเลือด เสโท น้ำเหงื่อ
เมโท น้ำมันข้น อัฐสุ น้ำตา
วะสา น้ำมันเหลว เขโฬ น้ำลาย
สิงฆาณิกา น้ำมูก ละสิกา น้ำไขข้อ
มุตตัง น้ำมูตร
มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อในสมอง
อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้อย่างนี้
อุทธัง ปาทะตะลา เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา
อะโธ เกสะมัตถะกา เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป
ตะจะ ปะริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน เต็มไปด้วยของไม่สะอาด
มีประการต่างๆ อย่างนี้แลฯ

ความกลัวทุกอย่าง เกิดจากพื้นฐานความกลัวตายทั้งนั้น

ถ้ายังกลัวตายอยู่ จะกลัวทุกอย่าง เคยตามดูใจตัวเองเป็นปีๆ สรุปลงไปได้ว่า “ความกลัวทุกอย่าง เกิดจากพื้นฐานความกลัวตายทั้งนั้น” กลัวผี ผีมาทำอะไร ? บีบคอ บีบคอแล้วอย่างไรจ้ะ ? บีบคอแล้วตาย กลัวงู งูมากัดมารัด แล้วอย่างไรจ้ะ ? ตาย วิธีแก้คือ ไปอยู่ป่าช้า คือคนเราถ้ากลัวถึงที่สุดแล้วจะบ้า...! คราวนี้มีบ้า ๒ อย่าง คือ บ้าขาดสติ และ บ้ามีสติ พระปฏิบัติส่วนใหญ่ท่านจะบ้ามีสติ

อย่างลักษณะ หลวงพ่อชา ท่านไปภาวนาอยู่ในป่าช้า แล้วเสียงเดินดังก๊อกแก๊ก ตายละหว่า...ผีมาแล้ว กูงานนี้เสร็จแน่เลย เหงื่อแตกท่วมตัวเลย กลัวจนจะขาดใจตายลงไปอย่างนั้น จนกระทั่งในที่สุดก็ฮึดขึ้นมา เอาวะ...! ตายเป็นตาย ดูสักทีว่าผีหน้าตาเป็นอย่างไร ? ก็เปิดมุ้งกลดส่องไฟดู หมา...! หมามาหาอะไรกินในป่าช้า แทะศพบ้าง กระดูกบ้าง พอรู้ว่าเป็นหมาใจก็หายกลัว นั่นเกิดจากจิตตัวเองปรุงแต่งไป

กำหนดการทอดกฐินวัดป่ากรรมฐาน ประจำปี 2553

คลิกดูกำหนดการที่ www.watpa.com

วิธีทำสมาธิแบบหลวงปู่มั่น

วันครบรอบ 60 ปีการละสังขารหลวงปู่มั่น 11 พ.ย.2553

วันที่ 11 พฤศจิกายน วันครบรอบ 60ปีการละสังขารหลวงปู่มั่น

หากเราหลับตาลองนึกภาพว่าหากไม่มีหลวงปู่มั่นในประเทศไทย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอาจจะไม่มีพระป่า ศาสนทายาทที่สืบพระศาสนาที่เน้นการปฏิบัติในแก่นแท้ของศาสนาก็จะไม่มีการ เรียนรู้ในหลักการภาวนาที่แท้จริงก็จะไม่เกิดขึ้น บุคลากร เช่น หลวงปู่ต่างๆ ก็ไม่มีในสารบบ

การ ที่หลวงปู่มั่นท่านได้เน้นการสร้างพระให้เป็นพระในปัจจุบัน
จึงนับว่าเป็นการปฏิวัติวงการคณะสงฆ์ ในภาคปฏิบัติ
มีคุณูปการในการสืบพระศาสนาในประเทศไทยอย่างแท้จริง

ศาสนิกชนในประเทศไทยจึงเป็นหนี้บุญคุณอันล้น พ้นประมาณของท่านอย่างใหญ่หลวง

ธิราชเจ้าจอมสยาม

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขอเชิญติดตามชม "ธิราชเจ้าจอมสยาม"
>>> ตอนที่ 13 : ร.ศ.112 คนไทยไม่เคยลืม





บัญชีบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย


- มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อย
สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่บัญชี 401-6-36319-9 บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารทหารไทย สาขาย่อยสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่บัญชี 046-2-44777-2 (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-281-1902, 02-282-9596 โทรสาร 02-281-1423)

- มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนหลังสวน ชื่อบัญชี มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 082-2-66600-0 (ต้องการใบเสร็จรับเงินจากการบริจาค โทรสาร 02-252-8711 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-256-4442)

หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท มรณภาพแล้ว

หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย ต.ม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร
มรณภาพแล้วด้วยโรคหัวใจตีบ เมื่อวันที่ 1 พ.ย 2553 เวลา 21:50 ที่ ร.พ. สกลนคร
อ่านข่าว >>> พลังจิต.คอม
อ่านประวัติหลวงปู่ >>ลานธรรมจักร

ฉลาดทำใจ : หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์

เขียน: jamjit
ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เรารู้จักกับหนังสือ “ฉลาดทำบุญ”โดย พระไพศาล วิสาโล เครือข่ายพุทธิกา  ซึ่งเป็นคู่มือสำหรับทำความดีเพื่อชีวิตที่ดีงามมาแล้ว แต่นอกจากจะฉลาดทำบุญ เรายังควรฉลาดทำใจ เพื่อรับมือกับสิ่งที่ไม่น่ายินดีที่เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย
ฉลาดทำใจ เป็นคู่มือสำหรับการตั้งรับเพื่อเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆที่ไม่คาดฝัน หรือไม่เป็นไปดังใจหวังได้อย่างมีปัญญา หากเรารู้จักฉลาดทำใจ หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์แน่นอน
“ฉลาดทำใจ” แยกปัญหาความทุกข์ออกเป็น 4 ประเด็น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่คนทุกวันนี้มักต้องเผชิญแทบทั้งนั้น ได้แก่ ทรัพย์สิน กาย การเรียนหรือการทำงาน และความสัมพันธ์
ลองมาดูตัวอย่างวิธีแก้ปัญหากันว่า เราจะเปลี่ยนทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจให้เป็นความสุขได้อย่างไร

ใส่บาตรพระกรรมฐาน, ผ่าตัดผู้ป่วยต้อกระจก ไถ่ชีวิตโค-กระบือ วันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายน 2553

ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน 15 รูป
ผ่าตัดผู้ป่วยต้อกระจก 150 คน (ฟรี) และไถ่ชีวิตโค-กระบือ 150 ตัว
ถวายพระราชกุศล ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ
ทอดผ้าป่าสามัคคี ซื้อเครื่องมือแพทย์ให้ ร.พ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร สร้างตึกผู้ป่วยเรื้อรังให้ ร.พ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซ.จรัญฯ 57 แยก 3 -7 (ซ.วัดรวกบางบำหรุ)ถ.จรัญฯ บางพลัด กทม
ในวันอาทิตย์ 28 พฤศจิกายน 2553  7:30 น.
ดูรายละเอียดที่ >>>www.larnbuddhism.com

วัดมเหยงค์น้ำท่วม!



วัดมเหยงค์น้ำท่วม! ต้องการความช่วยเหลือ ซื้อทรายกั้นน้ำ เรือ เครื่องสูบน้ำ ด่วน สอบถามเพิ่มเติมที่วัด 035-881-601

วาทะคำคมคุณดังตฤณ


วัดป่านานาชาติ จ.อุบลราชธานี

กุญแจภาวนาของหลวงปู่ชา

การคึกษาธรรมะในทางพระพุทธศาสนานั้น เราศึกษาไปเพื่อหาทางพ้นทุกข์ เพื่อความสงบสุขเป็นจุดสำคัญ จะศึกษาเรื่องรูป เรื่องนาม เรื่องจิต เรื่องเจตสิกก็ตาม ก็เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์เท่านั้น จึงจะถูกทาง

"หลวงปู่จันทา"เกจิอาจารย์ปราจีนบุรีมรณภาพอย่างสงบคนแห่รดน้ำศพ


ประชาชนจำนวนมากต่างเข้ารดน้ำศพหลวงปู่จันทา อนากุโล พระเกจิชื่อดังของจังหวัดปราจีนบุรี ที่มรณภาพด้วยอาการสงบ ด้วยโรคระบบการหายใจล้มเหลว และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ตุลาคม ที่วัดป่าเกษมสุข ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หลังจากหลวงปู่มรณภาพ เมื่อเวลา 22.04 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม ที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี รวมสิริอายุได้ 87 ปี โดยศพหลวงปู่ตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาการเปรียญวัดป่าเกษมสุข กำหนดสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 19 วัน จากนั้นจะเก็บศพไว้ที่กุฏิของหลวงปู่จันทาจำพรรษาอยู่
หลวงปู่จันทา เป็นพระนักปฏิบัติสายธรรมยุต ธุดงค์ไปแสวงหาธรรมะและแผ่เมตตาโปรดดวงวิญญาณตามป่าช้าป่าเขาลำเนาไพร โดยไม่มีการจำพรรษาซ้ำที่เดิม และเป็นที่เคารพ ศรัทธาของชาวบ้าน กระทั่งมีชาวบ้านบริจาคที่ดินสร้างวัดแห่งนี้


ชุมชนนิมนต์ยิ้ม ตอนธรรมะทะลุมิติ

วัดหนองป่าพง

                       

วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ยังเป็นสถานที่แรก ๆ ที่ชาวต่างชาติเลือกเดินทางมา ด้วยความเลื่อมใสในหลวงพ่อชา สุภัทโท

แหล่งที่มา : Voice TV

การจุติของเสตเกตุเทพบุตรโพธิสัตว์เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน

ขณะที่พระโพธิสัตว์ประทับอยู่ในดุสิตสวรรค์ พวกเทวดาผู้คุ้มครองรักษาโลกทราบว่าล่วงไปอีก 1,000 ปี พระสัพพัญญูพุทธเจ้าจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก จึงพากันเที่ยวป่าวประกาศในโลก ผู้ใดประสงค์จะได้พบเห็นพระองค์ จงพากันให้ทาน รักษาศีล กระทำอุโบสถกรรม และเจริญภาวนา จงประกอบแต่กุศลกรรมทุกประการเถิด
หมู่เทวดาในจักรวาลทั้งสิ้น ได้ยินพุทธโกลาหลนี้แล้ว ทราบว่าพระโพธิสัตว์นามว่า เสตเกตุเทพบุตร จักอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าในโลก จึงมาประชุมกันในจักรวาลเดียว พร้อมด้วยท้าวมหาราชทั้ง 4 ท้าวสักกะ ท้าวสุยามะ ท้าวสันตุสิตา ท้าวสุนิมมิตะ ท้าววสวัตตี และท้าวมาพรหม พากันไปยังสำนักของเสตเกตุเทพบุตร ต่างประสบกับบุพนิมิต 5 ประการ แห่งการจุติจากภพดุสิต ปรากฏแก่พระโพธิสัตว์
บุพนิมิต 5 ประการคือ ผ้าทรงเศร้าหมอง 1 ทิพยมาลาเหี่ยวแห้ง 1 พระเสโทไหลออกจากพระกัจฉะ (รักแร้) 1 พระฉวีวรรณเศร้าหมอง 1 ทรงเบื่อหน่ายทิพยอาสน์ 1
เหล่าเทวดาเหล่านั้นทราบว่า พระโพธิสัตว์พระองค์นี้ ได้บำเพ็ญบารมีมาบริบูรณ์เพียงพร้อมแล้ว ดำริกันว่าพระโพธิสัตว์จักไม่อุบัติในเทวโลกชั้นอื่น จักเสด็จอุบัติในมนุษย์โลก เมื่อบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พวกมนุษย์จักพากันบำเพ็ญบุญ จึงพากันมาทูลวิงวอนเพื่อให้ลงไปอุบัติเป็นพระพุทธเจ้ายังมนุษยโลก
เทวดาทั้งหลายทูลพระโพธิสัตว์ว่า ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ บารมีทั้งมวลที่ท่านได้บำเพ็ญมา 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป  ท่านปรารถนาแต่พระสัพพัญญุตญาณ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าเพื่ออนุเคราะห์โลก บัดนี้เป็นกาลอันสมควรสำหรับท่านแล้ว ขอท่านจงไปปฏิสนธิในมนุษยโลกเพื่อยังมนุษยโลกและเทวโลกให้ข้ามโอฆะ ของท่านจงตรัสรู้อมตบทเถิด

ขอเชิญร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์เผยแผ่มรดกธรรม พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม


ขอเชิญร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์เผยแผ่มรดกธรรม พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท)
ณ อาคารสำนักงานมูลนิธิมายาโคตมี และมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ถนนกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ


ในวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2553
11.00 น. พระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยมฐิติธัมโม) แสดงธรรม
12.00 น. พิธีถวายผ้าป่าเพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์เผยแผ่มรดกธรรมฯ

ดูรายละเอียดและการร่วมสมทบทุน

อย่างไรเรียกว่า "ปาณาติบาต" และทำแล้วจะมีผลอย่างไร

การฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า ซึ่งประกอบด้วยองค์ 5 ประการคือ
1. ปาโณ : สัตว์นั้นมีชีวิต
2. ปาณสญฺญิตา : รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
3. วธกจิฺตฺตํ : มีจิตคิดจะฆ่า
4. อุปกฺกโม : ทำความเพียรเพื่อฆ่า
5. เตน มรณํ : สัตว์ตายเพราะความเพียรนั้น
ถ้ากระทำการฆ่าครบองค์ 5 ประการนี้ ศีลข้อที่ 1 ก็จะขาด

ปโยคะ คือความเพียรพยายามในการกระทำปาณาติบาตนั้นมี 6 อย่างคือ
1. สาหตฺถิกปโยค คือ สังหารด้วยตนเอง
2. อาณตฺติกปโยค คือ ใช้ผู้ื่อื่นหรือใช้วาจาสังหาร
3. นิสฺสคฺคิยปโยค คือ ใช้อาวุธสังหาร
4. ถาวรปโยค คือ สังหารด้วยหลุมพราง
5. วิชฺชามยปโยค คือ สังหารด้วยวิชาคุณ
6. อิทฺธิมยปโยค คือ สังหารด้วยฤทธิ์

อริยวินัย - บทศึกษาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์

ขอเชิญร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์เผยแผ่มรดกธรรม พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม

ขอเชิญร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์เผยแผ่มรดกธรรม พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท)
ณ อาคารสำนักงานมูลนิธิมายาโคตมี และมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ถนนกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ
รายละเอียด :
วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2553
11.00 น. พระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยมฐิติธัมโม) แสดงธรรม
12.00 น. พิธีถวายผ้าป่าเพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์เผยแผ่มรดกธรรมฯ

การครองจีวรของพระภิกษุสงฆ์

แบบการครองจีวรของพระสงฆ์ เดิมในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ชัดเจน มีในเสขิยวัตรว่า "ให้ทำความสำเหนียกว่า จักนุ่งจักห่มให้เป็นปริมณฑล คือเรียบร้อย ... พึงนุ่งปิดสะดือและปกหัวเข่าให้เรียบร้อย พึงทำชายทั้งสองให้เสมอกัน ห่มให้เรียบร้อย ในการแสดงเคารพหรือทำวินัยกรรม ให้ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า" ซึ่งก็คือห่มจีวรเฉวียงบ่า

ในการเข้าบ้าน กล่าวว่า "ห่มสังฆาฎิทั้งหลายทำให้มีชั้นและกลัดดุม แต่กำชับไว้ให้ปิดกายด้วยดี ห้ามไม่ให้เปิดไม่ให้เวิกผ้าขึ้น" สันนิษฐานว่าคือการห่มคลุมทั้งสองบ่า

พระภิกษุสงฆ์มหานิกายในประเทศไทยมีการครองผ้าจีวร หลายประเภทเช่น "ห่มดอง" , "ห่มลดไหล่" หรือ "ห่มเฉวียงบ่า"(เวลาลงสังฆกรรม),"ห่มคลุม"(เวลาออกนอกอาราม) และ "ห่มมังกร"

กำเนิดคัมภีร์วิมุตติมรรค


เมื่อราว ๆ สิบปีเศษล่วงมา มีข่าวเกรียวกราวในวงการพระพุทธศาสนาลังกาว่า พระภิกษุนารทเถระผู้เดินทางดูการพระศาสนาในนานาประเทศ ได้ไปพบคัมภีร์ปกรณ์วิเศษ ชื่อ วิมุตติมรรคในประเทศจีน ท่านนารทเถระ และพุทธศาสนิกลังกามีความยินดีตื่นเต้นมาก ที่ได้ค้นพบคัมภีร์วิเศษสำคัญของวงการศึกษาพระพุทธศาสนาฝ่ายใต้ แต่ปรากฏว่าต้นฉบับได้สูญหายไปจากคลังปริยัติภาษาบาลีมานานแล้ว ปรากฏแต่นามของคัมภีร์ที่ในปกรณ์อื่น ๆ กล่าวอ้างถึง ท่านนารทเถระพยายามสืบหามาหลายปี เพิ่งจะได้พบต้นฉบับที่แปลเป็นจีนในประเทศจีนนี้

ภาพยนตร์ฝีมือคนไทย "พุทธศาสดา"

รอชมภาพยนตร์ "พุทธศาสดา" ฝีมือคนไทยเร็วๆ นี้ ติดตามข่าวได้ที่นี่ >>> http://buddha-thushaveiheard.com/

ธรรมเทศนาที่ทำให้เกิดพระอริยสาวกขึ้นองค์แรก



[๑๒] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกโดยลำดับ ถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันแขวงเมืองพาราณสี เสด็จเข้าไปทางสำนักพระปัญจวัคคีย์. พระปัญจวัคคีย์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล แล้วได้นัดหมายกันและกันว่า ท่านทั้งหลาย พระสมณะโคดมนี้เป็นผู้มักมากคลายความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมาก กำลังเสด็จมา พวกเราไม่พึงอภิวาท ไม่พึงลุกขึ้นต้อนรับพระองค์ ไม่พึงรับบาตรจีวรของพระองค์ แต่พึงวางอาสนะไว้  ถ้าพระองค์ปรารถนาก็จักประทับนั่ง. ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปถึงพระปัญจวัคคีย์ พระปัญจวัคคีย์นั้นไม่ตั้งอยู่ในกติกาของตน ต่างลุกขึ้นต้อนรับพระผู้มีพระภาค รูปหนึ่งรับบาตรจีวรของพระผู้มีพระภาครูปหนึ่งปูอาสนะ รูปหนึ่งจัดหาน้ำล้างพระบาท รูปหนึ่งจัดตั้งตั่งรองพระบาท รูปหนึ่งนำกระเบื้องเช็ดพระบาทเข้าไปถวาย พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะ ที่พระปัญจวัคคีย์จัดถวาย แล้วทรงล้างพระบาท. ฝ่ายพระปัญจวัคคีย์เรียกพระผู้มีพระภาคโดยระบุพระนาม และใช้คำว่า "อาวุโส" เมื่อพระปัญจวัคคีย์กล่าวอย่างนั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสห้ามพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่าเรียกตถาคตโดยระบุชื่อ และอย่าใช้คำว่า "อาวุโส"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พวกเธอจงเงี่ยโสตสดับ เราได้บรรลุอมตธรรมแล้ว เราจะสั่งสอน จะแสดงธรรม พวกเธอปฏิบัติอยู่ตามที่เราสั่งสอนแล้ว ไม่ช้าสักเท่าไร จักทำให้แจ้งซึ่งคุณอันยอดเยี่ยม อันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ที่กุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่.

การถวายผ้าอาบน้ำฝนมีผลานิสงส์อย่างไร

 ตัวอย่างหนึ่งในสมัยพุทธกาล....

ในสมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถีในวันนั้นเป็นวัน ๘ ค่ำ นางวิสาขาได้ถือเครื่อง
สักการะ พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมากไปสู่สำนักพระพุทธเจ้าถวายเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัยแล้ว
บังเอิญฝนตก พระภิกษุทั้งหลายได้เปลือยกายอาบน้ำฝนกันมากมาย นางวิสาขาเห็นเช่นนั้นแล้วก็เกิดความละอาย และคิดในใจว่าพระภิกษุไม่มีผ้าสำหรับอาบน้ำฝน ก็บังเกิดมีจิตศรัทธา คิดจะสร้างผ้าอาบน้ำฝนถวายเป็นทานแล้วก็กลับไปสู่กรุงสาวัตถี จัดแจงหาผ้าได้พอสมควรแล้วพอตอนเย็นก็พาบริวารและผ้านั้นมาสู่สำนักพระพุทธองค์แล้วถวายผ้าอาบน้ำฝนนั้น แก่องค์พระศาสดาพร้อมทั้งภิกษุทั้งหลายแล้วกราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การถวายผ้าอาบน้ำฝนนี้มีผลานิสงส์เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า

ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือประจำทุกเดือน

งานที่ 1 : 
ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ ไถ่ชีวิตโค-กระบือประจำทุกเดือน
ร่วมกับพระคุณเจ้าองค์หลวงพ่อทองปาน จารุวัณโณ
(ศิษย์ในหลวงปู่บุญจันทร์ กมโล พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
เจ้าอาวาสวัดป่าสันตินิมิต จ.ศรีสะเกษ


สุเมธดาบส - อดีตชาติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

ย้อนกลับไปในอดีตชาติของพระสมณะโคตมะ (เจ้าชายสิทธัตถะ) ก่อนที่จะมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้านั้น ได้ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ในอดีตชาติ เรียกว่า “พระโพธิสัตว์” (แปลว่า ท่านผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า) ซึ่งอดีตชาติของพระพุทธเจ้านั้นมีมากมาย

ใน อดีตชาติหนึ่งพระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็น “สุเมธดาบส” และได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง มีพระนามว่า “พระพุทธทีปังกร” (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔) ดังนั้น สุเมธดาบสจึงตั้งความปรารถนาไว้ว่า ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นพระองค์ท่าน

ใจเราที่มีความทุกข์เพราะเรายอมรับความจริงไม่ได้

 อ่านและฟังธรรมที่นี่ >>> http://www.dhammada.net/2010/04/19/1983/

ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค (ฉบับนอกวัด)

วันที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค
ขอนำประวัติท่านมาให้อ่านกัน เพื่อน้อมระลึกในพระคุณอันยิ่งใหญ่
ที่ท่านมีต่อพระพุทธศาสนาและศิษยานุศิษย์
อ่านต่อที่นี่ >>> www.palungjit.com

แจกหนังสือและซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ ในงานเทศกาล หนังสือเด็กและเยาวชนที่ศูนย์สิริกิติ์ 14-18 ก.ค.2553

ขอเชิญรับแจกหนังสือและซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ ที่บูธพรีมา พับบลิชชิง [B-02 โซน C1]
ในงานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชนที่ศูนย์สิริกิติ์ วันที่ 14-18 กรกฎาคมนี้นะครับ

ที่มา : http://www.dhammada.net/2010/07/13/2765/

วอนงดของบาป เหตุพระอาพาธ

ร.พ.สงฆ์เผยสถิติพระไทยอาพาธปีละกว่า ๗ หมื่นรูป ความดัน-เบาหวานพุ่ง ห่วงสุขภาพพระ 'งด'
ถวายอาหารหวานมันเค็ม บุหรี่ ...

พาหิยสูตร ( เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น ....)

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล กุลบุตรชื่อพาหิยทารุจีริยะ
อาศัยอยู่ที่ท่าสุปปารกะ ใกล้ฝั่งสมุทร เป็นผู้อันมหาชนสักการะ เคารพ นับถือ
บูชา ยำเกรง ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ครั้ง
นั้นแล พาหิยทารุจีริยะหลีกเร้นอยู่ในที่ลับ เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า
เราเป็นคนหนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์หรือผู้ถึงอรหัตตมรรคในโลก ลำดับนั้นแล
เทวดาผู้เป็นสายโลหิตในกาลก่อนของพาหิยทารุจีริยะ เป็นผู้อนุเคราะห์ หวัง
ประโยชน์ ได้ทราบความปริวิตกแห่งใจของพาหิยทารุจีริยะด้วยใจ แล้วเข้าไปหา
พาหิยทารุจีริยะ

วัดบรมธาตุแก่งสร้อย จ.ตาก (20-23 ต.ค.2552)

พระเจ้าเตมีย์ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี

อรรถกถา เตมิยชาดก
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภมหาภิเนกขัมมบารมี. ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า มา ปณฺฑิจฺจยํ วิภาวย ดังนี้เป็นต้น.
ความ พิสดารว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันอยู่ในโรงธรรมสภา พรรณนามหาภิเนกขัมมบารมี ของพระผู้มีพระภาคเจ้า. พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นด้วยทิพโสต เสด็จออกจากพระคันธกุฎีมายังโรงธรรมสภา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายประชุมเจรจากันถึงเรื่องอะไร  เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรามีบารมีเต็มแล้ว ทิ้งราชสมบัติออกเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ในบัดนี้ ไม่น่าอัศจรรย์เลย เมื่อก่อน ญาณยังไม่แก่กล้า เรากำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ ได้ทิ้งราชสมบัติออกเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่นั้น จึงน่าอัศจรรย์. ตรัสดังนี้แล้ว ทรงดุษณีภาพอยู่. ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลวิงวอนให้ทรงเล่าเรื่อง จึงทรงนำอดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้.

พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า "ความผาสุกย่อมมีแก่ภิกษุอยู่แต่ผู้เดียว"

[๓๗๑] ถ้าไม่มีผู้อื่นอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังเรา ความสบายใจอย่างยิ่งคงจะมี
แก่เราผู้อยู่ในป่าผู้เดียว ผิฉะนั้น เราผู้เดียวจักไปสู่ป่าอันพระพุทธเจ้า
ทรงสรรเสริญว่า ความผาสุกย่อมมีแก่ภิกษุอยู่แต่ผู้เดียว มีใจเด็ดเดี่ยว
เราผู้เดียวเป็นผู้ชำนาญในสิ่งที่เป็นประโยชน์ จักเข้าไปสู่ป่าใหญ่ อัน
ทำให้เกิดปีติแก่พระโยคาวจร น่ารื่นรมย์ เป็นที่อยู่ของหมู่ช้างตกมัน
โดยเร็วพลัน เราผู้เดียว จักอาบน้ำในซอกเขาอันเยือกเย็นในป่าอันเย็น
มีดอกไม้บานสะพรั่ง จักจงกรมให้เป็นที่สำราญใจ เมื่อไรเราจึงจักได้
อยู่ในป่าใหญ่อันน่ารื่นรมย์แต่ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนสอง จักเป็นผู้ทำกิจสำเร็จ
หาอาสวะมิได้ ขอความประสงค์ของเราผู้ปรารถนาจะทำอย่างนี้จงสำเร็จ
เถิด เราจักยังความประสงค์ของเราให้สำเร็จจงได้ ผู้อื่นไม่อาจ
ทำผู้อื่นให้สำเร็จได้ เราจักผูกเกราะ คือ ความเพียร จักเข้า
ไปสู่ป่าใหญ่ เรายังไม่บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว จักไม่ออกไปจากป่า
นั้นเมื่อลมพัดเย็นมา กลิ่นดอกไม้ก็หอมฟุ้งมา เราจักนั่งอยู่บนยอดเขา
ทำลายอวิชชา เราจักได้รับความสุขรื่นรมย์อยู่ด้วยวิมุตติสุขในถ้ำที่เงื้อม
เขา ซึ่งดารดาษไปด้วยดอกโกสุม มีภาคพื้นเยือกเย็น อันมีอยู่ใน
ป่าใหญ่เป็นแน่ เรามีความดำริอันเต็มเปี่ยม เหมือนพระจันทร์ใน
วันเพ็ญ เป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว บัดนี้ ภพใหม่มิได้มี.

ที่มา : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
. เอกวิหาริยเถรคาถา
คาถาสุภาษิตของพระเอกวิหาริยเถระ

กฐินวัดป่าโนนแสนคำ (หลวงปู่เนย สมจิตฺโต) 23-25 ต.ค.2552

วัดป่าสุนันฯ วันวิสาขบูชา 2553

พระปาฏิโมกข์ เวอร์ชั่น ภาษาไทย

คำแปล พระปาฏิโมกข์ ที่ควรน้อมพิจารณานำเวลาสดับฟัง


นิททานุทเทส

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น (ว่า๓ จบ)

ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้าอุโบสถวันนี้ที่ ๑๕ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้วสงฆ์พึงทำอุโบสถพึง แสดงซึ่งปาฏิโมกข์ บุรพกิจอะไรๆของสงฆ์ก็ทำสำเร็จแล้ว ท่านทั้งหลายพึงบอกความบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าจักแสดงซึ่งปาฏิโมกข์พวกเราบรรดาที่มีอยู่ทั้งหมด จงฟัง จงใส่ใจซึ่งปาฏิโมกข์นั้น ให้สำเร็จประโยชน์.ผู้ใดหากมีอาบัติ ผู้นั้นก็พึง เปิดเผยเสียเมื่ออาบัติไม่มี ก็พึงนิ่งอยู่ ก็เพราะความเป็นผู้นิ่งแล ข้าพเจ้าจักทราบท่านทั้งหลายว่า เป็นผู้บริสุทธ์ ก็การสวดประกาศให้ได้ยินมี กำหนด ๓ ในบริษัทเห็นปานนี้อย่างนี้ เป็นเหมือนถูกถามตอบเฉพาะองค์ ก็ภิกษุใดเมื่อสวดประกาศจบครั้งที่ ๓ ระลึก(อาบัติ) ได้อยู่ ไม่ เปิดเผยอาบัติซึ่งมีอยู่ สัมปชานมุสาวาททุกกฎ ย่อมมีแก่เธอนั้น ท่าน ทั้งหลาย ก็สัมปชานมุสาวาทแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นธรรมทำอันตราย เพราะฉะนั้น เมื่อภิกษุต้องอาบัติแล้วระลึกได้ หวังความบริสุทธิ์ พึงเปิดเผยอาบัติซึ่งมีอยู่ เพราะเปิดเผยอาบัติแล้ว ความสบายย่อมมีแก่เธอ

การฝึกหัดจิตให้มีสติตลอด : หลวงปู่เทสก์

วันนี้ จะเทศนาเรื่อง การฝึกหัดจิต จิตของคนเราต้องฝึกหัด เช่นเดียวกับสัตว์ที่อยู่ในป่าที่เขาจับมาใช้ จะใช้งานได้ต้องฝึกต้องหัดเสียก่อน จิตของเรายังไม่ได้ฝึกหัดก็เหมือนกับสัตว์ที่อยู่ในป่านั่นแหละ เราจับจิตมาฝึกหัด คือ เราตั้งใจฝึกหัดจริงๆ จึงจะเรียกว่าเราฝึกหัดจิต

ประกาศ : เรื่องการรับสมัครบรรพชา-อุปสมบทเต็ม



ขณะนี้ได้มีผู้มีจิตศรัทธาขอบรรพชา-อุปสมบทเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากกุฏิที่พักมีจำนวนจำกัดจึงไม่สามารถที่จะเพิ่มได้อีก ทางวัดสุนันทวนารามขอปิดการขอบรรพชา ในช่วงเวลาที่กำหนดคือ วันเสาว์ที่ 17 ก.ค.-27 ต.ค.53
จีงขอเรียนมาให้ทราบทั่วๆกัน

เหนื่อยก็ไม่พัก หนักก็ไม่วาง

พระโพธิญาณเถร หลวงพ่อชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี


โลกนี้มันก็สม่ำเสมอดีอยู่หรอก
ที่มันไม่สม่ำเสมอนั้นเพราะจิตของเราหลงไป อุปาทานมั่นหมายมันเสียแล้ว
เช่น ต้นไม้ในป่านี้แหละ ต้นนี้มันโตไป ต้นนี้มันเล็กไปต้นนี้มันสูงไปต้นนี้มันเตี้ยไป
นี่เราก็พูดแต่เรื่องของเรา ต้นไม้มันก็ไม่ว่าของมันยาวหรือสั้น
มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น

คิริมานนทสูตร (พระยาธรรมมิกราชสูตร)


"อาน นฺท ดูกรอานนท์ ธรรมนี้ชื่อว่าพระยาธรรมิกราช เพราะเป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้ตรัสไว้แล้วในธรรมหมวดนี้คือได้ชี้นรก สวรรค์ พระนิพพาน กิเลสตัณหา โดยจะแจ้งสิ้นเชิง เมื่อผู้ใดได้ฟังแล้วปรารถนาสุขทุกข์ประการใด ก็จงเลือกประพฤติตามความปรารถนา"

"ข้าแต่พระมหากัสสปะ ผู้มีอายุ พระสูตรนี้จะได้ชื่อว่า พระยาธรรมิกราชสูตรตามรับสั่งนั้น จักเสียนิมิตไป เพราะอาศัยพระผู้เป็นเจ้าคิริมานนท์เป็นนิมิต พระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาที่วัดเชตวนาราม ปรารภพระคิริมานนท์เกิดอาพาธให้เป็นเหตุ จึงได้ชื่อว่า คิริมานนทสูตร มีเนื้อความดังแสดงมานี้แลฯ"

แจกรูปแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเป็นพุทธานุสติ


วัตถุประสงค์ เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์หรือมอบให้ผู้มีศรัทธาในองค์พระตถาคตเจ้า ให้รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นพุทธนุสติ และมีจิตใจตั้งมั่นในการเจริญสติหรือกระทำสิ่งที่เป็นบุญ-กุศล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาใกล้ตายซึ่งมีเวทนามาก ถ้าหากไม่สามารถครองสติดูกาย-เวทนา-จิต-ธรรมได้ ก็ขอให้ระลึกถึงองค์พระตถาคต ทำให้จิตที่เป็นกุศล มีสุคติเป็นที่ไป

รายละเอียดรูป

ด้านหน้า - รูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้านหลัง - แสดงคาถาอริยสัจ
ขนาด - กระดาษ A4 (29.7 x 21 cm.)
พิมพ์ - 4/1 สี, PVC 2 ด้าน
กระดาษ - Art Card 210 gm.

วิธีขอรับ สอดซองเปล่าขนาด A4 จ่าหน้าซองถึงผู้รับ โดยระบุที่มุมซองว่า “รูปองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กรุณาอย่าพับ” พร้อมทั้งติดแสตมป์ 5 บาท (1 ซอง+แสตมป์ 5 บาท ต่อ 1 ท่าน)

ส่งมาที่....  สุจิตรา ทิพยทัศน์
87 ซ.รัชมงคลประสาธน์ 10 แขวงปากคลอง
เขตภาษีเจริญ กทม 10160

แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งไปให้ค่ะ